ใบ หู หน้าที่
1 ใบแท้ (Foliage Ieaf) คือ ใบปกติของพืชทั่วไป อาจเป็นแผ่นแบนหรือเรียวเล็ก มีสีเขียวทำหน้าที่หลักในการสังเคราะห์แสง หายใจและคายน้ำจำแนกได้เป็นใบเดี่ยว และใบประกอบ 1. 2 ใบเลี้ยง (Cotyledon) คือใบของต้นอ่อนหรือเอ็มบริโอและเป็นใบแรกที่งอกออกมาจากเมล็ดทำหน้าที่ช่วยสะสมหรือสร้างอาหาร เพื่อการเจริญเติบโตของ ต้นอ่อนในขณะที่เมล็ด เริ่มงอกและยังไม่มีใบแท้ 1. 3 ใบดอก(Bract หรือ Floral Ieaf) คือ ใบที่เปลี่ยนไปเป็นส่วนของดอกเพื่อทำหน้าที่ล่อแมลงในการผสมเกสรหรือการ ขยายสืบพันธุ์ 1. 4 ใบเกล็ด(Scale หรือ Cataphyll) คือใบที่เจริญมาเพื่อทำหน้าที่ห่อหุ้มป้องกันตาและใบอ่อนไม่ให้ได้รับอันตราย โดยทั่วไป ไม่มีสีเขียว ลักษณะเป็นแผ่นเล็ก ๆ คล้ายเกล็ด บางชนิดมีขนาดใหญ่ ทำหน้าที่สะสมอาหาร เช่น หัวหอม หน้าที่ของใบ 1. ปรุงอาหาร หรือกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง ซึ่งจะเกิดเฉพาะ ในเวลากลางวัน และเกิดที่ใบเป็นส่วนใหญ่ ที่ลำต้น หรือส่วนประกอบอื่นที่มีสีเขียว ก็สามารถปรุงอาหารได้ 2. หายใจ พืชจำเป็นต้องมีการหายใจตลอดเวลาเช่นเดียวกับสัตว์ ในเวลากลางวัน พืชจะหายใจเอาก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เข้าไป และปล่อยก๊าซออกซิเจนออกมาเมื่อเราเข้าไปในป่า หรือนั่งใต้ต้นไม้ในเวลากลางวันจึงรู้สึกสดชื่น เนื่องจากได้รับอากาศ บริสุทธิ์จากต้นไม้ 3.
- โครงสร้างและหน้าที่ของใบ |
- หู – กระต่าย
- โครงสร้างและหน้าที่ของใบ - Biology by kookai
- โครงสร้างและหน้าที่ของใบ – BIOSOFUN
- น้อยหน่า - วิกิพีเดีย
- ใบ | kridsanajaiboontham
โครงสร้างและหน้าที่ของใบ |
หู – กระต่าย
โครงสร้างและหน้าที่ของใบ - Biology by kookai
โคนใบ หรือฐานใบ (Leaf base) คือส่วนที่อยู่ล่างสุดของแผ่นใบที่ติดกับก้านใบหรือกิ่ง 6. ปลายใบ (Leaf apex) ส่วนของแผ่นใบที่อยู่ปลายสุดตรงข้ามกับก้านใบ ปลายใบของพืชแต่ละชนิดมีลักษณะแตกต่างกันไป 7. เส้นกลางใบ (Midrib) คือ ส่วนที่ยื่นต่อจากก้านใบเข้าไปในตัวใบ มีลักษณะเป็นสันนูน แบ่งใบออกเป็นสองซีก เส้นกลางใบจะแตกแขนงมากมายกระจายไปทั่วแผ่นใบ เรียกว่า เส้นใบ (Vein) ซึ่งจะช่วยให้แผ่นใบกางอยู่ได้ ภาพแสดงเส้นกลางใบของพืชใบเลี้ยงคู่ 8.
โครงสร้างและหน้าที่ของใบ – BIOSOFUN
หู (Ear) กระต่ายมีหูขนาดยาวที่ประกอบด้วยกระดูกอ่อนเป็นแกน มีหนังบาง ๆ หุ้มมีเส้นเลือดเส้นประสาทมาหล่อเลี้ยง สำหรับหูด้านนอกจะมีขนปกคุลุมอีกชั้นหนึ่ง และมีกล้ามเนื้อที่โคนหู ทำหน้าที่คอยคุมบังคับให้ใบหูขยับหรือกระดิกได้ เพื่อดักฟังเสียงต่าง ๆ ให้ได้ยินชัดเจนขึ้น หูกระต่ายนอกจากจะทำหน้าที่ช่วยรับฟังเสียงต่าง ๆแล้ว ยังทำหน้าที่สำคัญคือ เป็นแหล่งช่วยระบายความร้อนออกจากร่างกาย โดยผ่านทางเส้นเลือดแดใหญ่กลางหู และเส้นเลือดฝอยทั่วใบหู
น้อยหน่า - วิกิพีเดีย
สปันจีมีโซฟิลล์ (spongy mesophyll) อยู่ถัดจากแพลิเซดมีโซฟิลล์ลงมาจนถึงชั้นเอพิเดอร์มิสด้านล่าง ประกอบด้วยเซลล์ที่มีรูปร่างไม่แน่นอนเรียงตัวในทิศทางต่างๆ กัน ทำให้เกิดช่องว่างระหว่างเซลล์มาก ภายในเซลล์มีคลอโรพลาสต์หนาแน่นแต่น้อยกว่าแพลิเซดมีโซฟิลล์ ……….. 3.
ใบ | kridsanajaiboontham
ใบ ( Leaves) เป็นอวัยวะที่เจริญออกไปบริเวณด้านข้างโดยมีตำเหน่งอยู่ที่ข้อปล้องของต้นและกิ่งใบส่วนใหญ่จะมีสีเขียวของคลอโรฟิลล์ แต่ใบพืชบางชนิดจะมีสีแดงหรือ สีม่วง เนื่องจากมีสารสีอื่นๆ เช่น แอนโทไซยานิน (anthocyanin) หรือ แคโรทีนอยด์(Carotenoid) มากกว่าคลอโรฟิลล์จึงทำให้ใบมีสีอื่นมากกว่าสีเขียว รูปร่างและขนาดของใบแตกต่างกันไปตามชนิดของพืช หน้าที่หลักของใบ คือ การสังเคราะห์แสง การหายใจ และ การคายน้ำ ส่วนประกอบของใบ ส่วนประกอบของใบมี 3 ส่วนคือ 1. แผ่นใบ ( blade หรือ lamina) 2. ก้านใบ ( petiole) 3. หูใบ ( stipule) ภาพ ส่วนประกอบของใบ มักแผ่ออก มีขนาด และรูปร่างต่างกัน ที่แผ่นใบจะพบ เส้นใบ ( vein) และ เส้นกลางใบ ( midrib) โดยเส้นกลางใบจะต่อ เนื่องกับก้านใบ จากเส้นกลางใบแยกออก เป็นเส้นใบ ซึ่งจะแยกแขนงออกไปอีกเป็นเส้นแขนงใบ หรือเส้นใบย่อย( vienlet) การเรียงของเส้นใบ ( venation) 1) เส้นใบแบบขนาน ( parallel venation)พบในพืชใบเลี้ยงเดี่ยว แบ่งเป็น a. เรียงตามยาวของใบ (plamately parallel venation) b. เส้นใบขนานกันตามขวางของใบ ( pinately parallel venation) a. ใบไผ่ b. ใบมะพร้าว ภาพ เส้นใบขนานเรียงตามยาวของใบ (plamately parallel venation) ภาพ เส้นใบขนานกันตามขวางของใบ (pinately parallel venation) 2) การเรียงตัวของเส้นใบแบบตาข่าย ( netted หรือ recticulated venation) พบในพืชใบเลี้ยงคู่ ซึ่งมี 2 แบบคือ a.
โครงสร้างภายในของใบ …… ประกอบด้วยเนื้อเยื่อต่างๆ เช่นเดียวกับลำต้น ……….. 1. เอพิเดอร์มิส เป็นเนื้อเยื่อผิว มีทั้งด้านบนและด้านล่าง ประกอบด้วยเซลล์เพียงชั้นเดียวหรือหลายชั้น ได้แก่ เซลล์ผิว เซลล์ขน หรือเปลี่ยนไปเป็นเซลล์คุม (guard cell) ภายในเซลล์ผิวมักไม่ค่อยมีคลอโรพลาสต์หรือมีน้อยยกเว้นเซลล์คุม เซลล์ผิวมีคิวทินเคลือบอยู่ที่ผนังเซลล์ด้านนอกเพื่อป้องกันการระเหยของน้ำ ออกจากใบ เซลล์คุมมีรูปร่างคล้ายไตหรือเมล็ดถั่ว 2 เซลล์ประกบกัน พืชที่ใบลอยปริ่มน้ำ เช่น บัวสาย จะมีปากใบ (stoma) อยู่เฉพาะทางด้านบนของใบเท่านั้น ส่วนพืชที่จมอยู่ใต้ผิวน้ำ เช่น สาหร่ายหางกระรอกจะไม่มีปากใบและไม่มีคิวทินฉาบผิว ใบพืชบางชนิดมีปากใบทั้งด้านบนและด้านล่าง เช่น ใบข้าวโพด ……….. 2. มีโซฟิลล์ (mesophyll) เป็นเนื้อเยื่อที่อยู่ระหว่างชั้นเอพิเดอร์มิสทั้ง 2 ด้าน ส่วนใหญ่เป็นเนื้อเยื่อพาเรงคิมาที่มีคลอโรพลาสต์จำนวนมาก โดยทั่วไปพาเรงคิมาในพืชใบเลี้ยงคู่จะมีเซลล์ 2 แบบ ทำให้โครงสร้างภายในแบ่งเป็น2 ชั้นคือ …………… 1. แพลิเซดมีโซฟิลล์ (palisade mesophyll) มักพบอยู่ใต้ชั้นเอพิเดอร์มิสด้านบน ประกอบด้วยเซลล์รูปร่างยาว เรียงตัวเป็นแถวตั้งฉากกับผิวใบคล้ายรั้วอาจมีแถวเดียวหรือหลายแถว ภายในเซลล์มีคลอโรพลาสต์ค่อนข้างหนาแน่นมาก …………… 2.
มัดท่อลำเลียง (Vascular bundle) คือ ส่วนของเส้นใบที่แทรกอยู่ภายในใบ ประกอบด้วยท่อน้ำหรือไซเลม (Xylem) อยู่ด้านบน และท่ออาหาร หรือโฟลเอม (Phloem) อยู่ด้านล่าง ทำหน้าที่ลำเลียงน้ำเข้าสู่ส่วนต่าง ๆ ของใบ และลำเลียงอาหารที่ได้จากกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงไปยังส่วนต่าง ๆ ทั่วต้นพืช มัดท่อลำเลียงจะถูกล้อมรอบด้วยกลุ่มเซลล์ที่เรียกว่า บันเดิลชีท (Bundle sheath) ทำให้ท่อลำเลียงมีความแข็งแรงยิ่งขึ้น บันเดิลชีทนี้ประกอบด้วยเซลล์พาเรงคิมา หรือเซลล์สเคลอเรงคิมาที่ไม่มีคลอโรพลาสต์ เรียงซ้อนกัน 1-2 ชั้น เอกสารอ้างอิง 1. เชาวน์ ชิโนรักษ์, และ พรรณี ชิโนรักษ์, 2524. ชีววิทยา เล่ม 3, พิมพ์ครั้งที่ 4. โรงพิมพ์อักษรประเสริฐ, กรุงเทพฯ. 2. ประสงค์ หลำสะอาด, และ จิตเกษม หลำสะอาด, มปป. คู่มือสาระการเรียนรู้พื้นฐานและเพิ่มเติม กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชีววิทยา ม. 5 เล่ม 4, โรงพิมพ์เพิ่มทรัพย์การพิมพ์, กรุงเทพฯ. 3. 4
- App โหลด minecraft ฟรี mods
- ภูเขา ฟูจิ อยู่ เมือง อะไร
- วิศวะ ไฟฟ้า คุณสมบัติ
ใบเดี่ยว ( simple leaf) คือ ใบที่มีแผ่นใบ 1 แผ่นติดอยู่บนก้านใบ 1 ก้าน 2. ใบประกอบ ( compound leaf) คือ ใบที่มีแผ่นใบย่อย (leaflet) ตั้งแต่ 2 ใบขึ้นไปติดอยู่บนก้านใบ ก้าน แบ่งออกเป็น - ใบประกอบแบบขนนก ( pinnately compound leaf) - ใบประกอบแบบมือ ( palmately compound leaf) ภาพที่ 4 การเรียงตัวของเส้นใบ การเรียงตัวของเส้นใบ ( venation) มี 3 แบบ คือ 1. เส้นใบเรียงขนาน เส้นใบเรียงขนานกัน ( parallel venation) เส้นใบจะเรียงขนานกันตั้งแต่ฐานจนถึงปลายใบ พบในใบพืชใบเลี้ยงเดี่ยว เส้นใบเรียงขนานคล้ายฝ่ามือ ( palmately parallel venation) เป็นการเรียงของเส้นใบจากฐานใบขนานไปเรื่อยจนจดปลายใบ เส้นใบเรียงขนานคล้ายขนนก (pinnately parallel venation) เป็นการเรียงของเส้นใบที่แตกจากเส้นกลางใบแล้วขนานกันไปจนจดขอบใบ 2. เส้นใบเรียงแบบร่างแห เส้นใบเรียงแบบร่างแห (netted venation หรือ reticulate venation) มีการแตกแขนงของเส้นใบย่อยออกไปทุกทิศทางแล้วมาประสานกันเป็นร่างแห พบในใบพืชใบเลี้ยงคู่ แบ่งเป็น เส้นใบเรียงแบบร่างแหคล้ายฝ่ามือ ( palmately netted venation) มีเส้นใบใหญ่มากกว่า 1 เส้น แตกเรียงขนานจากฐานไปสู่ปลายใบ แล้วมีเส้นใบย่อยแตกแขนง เส้นใบเรียงแบบร่างแหคล้ายขนนก ( pinnately netted venation) มีเส้นกลางใบ 1 เส้นแตกจากฐานใบไปสู่ปลายใบ แล้วมีเส้นใบย่อยแตกเป็นร่างแห 3.